FAQs

ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับเราหรือไม่?

คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายหลังคลอด2025-02-28T15:20:50+07:00
  • เริ่มเบาๆ ด้วยการเดิน และการบริหารกล้ามเนื้อกระดูกเชิงกราน
  • คลอดปกติ: เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้หลังคลอด 2 สัปดาห์
  • คลอดผ่าตัด: เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้หลังคลอด 6-8 สัปดาห์ และได้รับอนุญาตจากแพทย์
  • ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น ฟังสัญญาณร่างกาย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะคุณแม่ที่ให้นมลูก
การกลับมามีประจำเดือนหลังคลอด2025-02-28T15:18:41+07:00
  • คุณแม่ที่ไม่ให้นม: ประจำเดือนอาจมาหลังคลอด 6-8 สัปดาห์
  • คุณแม่ที่ให้นมลูกเต็มที่: ประจำเดือนอาจมาช้า 3-6 เดือนหรือนานกว่านั้น
  • การมาของประจำเดือนไม่ได้หมายความว่าภาวะเจริญพันธุ์กลับมาแล้ว การตกไข่อาจเกิดก่อนประจำเดือนมา
  • ควรคุมกำเนิดแม้ว่าประจำเดือนยังไม่มา
การคุมกำเนิดหลังคลอด2025-02-28T15:17:01+07:00
  • ถุงยางอนามัย: เริ่มใช้ได้ทันทีที่มีเพศสัมพันธ์
  • ยาคุมฉุกเฉิน: ไม่แนะนำเป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด
  • ยาฉีดคุมกำเนิด: เริ่มใช้ได้หลังคลอด 6 สัปดาห์
  • ยาคุมชนิดเม็ด: สำหรับแม่ที่ไม่ให้นมลูก เริ่มใช้ได้หลังคลอด 3 สัปดาห์
  • ห่วงอนามัย: ใส่ได้หลังคลอด 6 สัปดาห์
การป้องกันและรักษาภาวะซึมเศร้าหลังคลอด2025-02-28T15:16:09+07:00
  • พักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลาพักเมื่อลูกหลับ
  • ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวในการดูแลลูกและงานบ้าน
  • พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณแม่คนอื่นๆ
  • แจ้งแพทย์หากมีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล หรือนอนไม่หลับรุนแรง
  • พบจิตแพทย์หากมีความคิดทำร้ายตนเองหรือทารก
การดูแลแผลผ่าตัดหรือแผลฝีเย็บ2025-02-28T15:14:43+07:00
  • รักษาความสะอาด ล้างด้วยน้ำสะอาดหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
  • เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
  • ใช้น้ำเย็นประคบเพื่อลดอาการบวม
  • หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ กรณีมีแผลฝีเย็บ
  • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น แผลบวมแดง มีหนอง มีกลิ่นเหม็น
รูปแบบการนอนที่ปลอดภัยสำหรับทารก2025-02-28T15:20:31+07:00
  • นอนหงาย บนที่นอนแน่น ไม่มีหมอน ผ้าห่มหลวม หรือของเล่น
  • ใช้ที่นอนพอดีกับเตียง ไม่มีช่องว่าง
  • อุณหภูมิห้องที่เหมาะสม (22-24°C)
  • ไม่สูบบุหรี่ในบ้านหรือใกล้ทารก
  • แนะนำให้ทารกนอนในห้องเดียวกับพ่อแม่ แต่บนเตียงแยกต่างหาก
การอาบน้ำและทำความสะอาดร่างกายทารก2025-02-28T15:13:21+07:00
  • อาบน้ำอุ่น (37-38°C) ในห้องที่อบอุ่น
  • ใช้สบู่อ่อนๆ สำหรับเด็กทารก
  • ล้างจากส่วนที่สะอาดไปส่วนที่สกปรก
  • เช็ดตัวให้แห้งทันที ทาโลชั่นหรือน้ำมัน
  • ทำความสะอาดตาด้วยน้ำต้มสุกเย็น จากหัวตาไปหางตา
การดูแลสะดือทารกแรกเกิด2025-02-28T15:20:14+07:00
  • ทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ 70% วันละ 2-3 ครั้ง
  • ดูแลให้แห้ง ไม่เปียกชื้น
  • พับผ้าอ้อมใต้สะดือเพื่อให้อากาศถ่ายเท
  • สังเกตการอักเสบ (แดง บวม มีหนอง มีกลิ่นเหม็น)
อาการผิดปกติที่ควรพาเด็กมาพบแพทย์2025-02-28T15:11:23+07:00
  • มีไข้สูง (>38.5°C) ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน
  • ซึม ไม่ดูดนม ร้องผิดปกติ
  • อาเจียนพุ่งหรืออาเจียนต่อเนื่อง
  • ท้องเสียรุนแรงหรือมีเลือดปน
  • หายใจเร็ว หอบ หรือหายใจลำบาก
  • ผิวหรือตาเหลือง (ในเด็กอายุมากกว่า 3 สัปดาห์)
  • ชัก หรือตัวเขียว
พัฒนาการที่ควรมีตามช่วงอายุต่างๆ2025-02-28T15:10:44+07:00
  • 2 เดือน: ยิ้มตอบ ยกศีรษะได้เมื่อนอนคว่ำ
  • 4 เดือน: หัวเราะ หันตามเสียง พลิกตัว
  • 6 เดือน: นั่งได้โดยมีการพยุง หยิบของได้
  • 9 เดือน: คลาน นั่งได้เอง เรียก “พ่อ-แม่”
  • 1 ปี: ยืนได้ เดินเกาะ เล่นจ๊ะเอ๋
  • 1.5 ปี: เดินได้คล่อง พูดได้ 10+ คำ
  • 2 ปี: วิ่งได้ ขึ้นบันได พูดเป็นวลี
ตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด-5 ปี2025-02-28T15:20:01+07:00
  • แรกเกิด: BCG, HB1
  • 1 เดือน: HB2
  • 2 เดือน: DTP-HB-Hib1, OPV1, PCV1, Rota1
  • 4 เดือน: DTP-HB-Hib2, OPV2, PCV2, Rota2
  • 6 เดือน: DTP-HB-Hib3, OPV3, PCV3, Rota3 (บางชนิด)
  • 9 เดือน: MMR1, JE1 (ในพื้นที่เสี่ยง)
  • 1 ปี: JE2 (ในพื้นที่เสี่ยง), Influenza ประจำปี
  • 1.5 ปี: MMR2, DTP4, OPV4
  • 2.5 ปี: JE3 (ในพื้นที่เสี่ยง)
  • 4 ปี: DTP5, OPV5
วิธีการให้นมบุตรที่ถูกต้อง และปัญหาที่อาจพบระหว่างให้นม2025-02-28T15:19:51+07:00
  • อุ้มลูกให้ถูกท่า ทั้งท่าอุ้มขวาง ท่าอุ้มฟุตบอล ท่านอนตะแคง
  • ดูแลให้ปากทารกอมลึกถึงลานนม ไม่ใช่แค่หัวนม
  • ให้นมทุก 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อลูกต้องการ (8-12 ครั้งต่อวัน)
  • ปัญหาที่พบบ่อย: หัวนมแตก เต้านมคัด ท่อน้ำนมอุดตัน เต้านมอักเสบ
วิธีการคลอดแบบต่างๆ และข้อดีข้อเสีย2025-02-28T15:19:43+07:00
  • คลอดธรรมชาติ: ฟื้นตัวเร็ว เสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อย แต่อาจมีความเจ็บปวดมากกว่า
  • คลอดโดยใช้ยาระงับความเจ็บปวด: ลดความเจ็บปวด แต่อาจทำให้ระยะที่สองของการคลอดยาวนานขึ้น
  • ผ่าตัดคลอด: ช่วยในกรณีฉุกเฉิน สามารถกำหนดเวลาได้ แต่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดและพักฟื้นนานกว่า
การเตรียมตัวก่อนคลอด2025-02-28T15:19:34+07:00
  • เตรียมเอกสารและของใช้จำเป็น
  • วางแผนการเดินทางไปโรงพยาบาล
  • เรียนรู้สัญญาณเจ็บครรภ์จริง
  • ฝึกหายใจและผ่อนคลาย
  • ทำความเข้าใจกระบวนการคลอด
อาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์2025-02-28T15:19:24+07:00
  • เลือดออกทางช่องคลอด
  • ปวดท้องรุนแรง
  • น้ำเดิน (น้ำคร่ำไหล)
  • ปวดศีรษะรุนแรงร่วมกับตาพร่ามัว
  • บวมที่หน้า มือ เท้า อย่างรวดเร็ว
  • ทารกดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น
  • มีไข้สูง
อาหารที่ควรรับประทานและควรหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์2025-02-28T15:19:16+07:00
  • ควรรับประทาน: ผักใบเขียว ผลไม้ โปรตีนคุณภาพดี อาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม และโฟลิก
  • ควรหลีกเลี่ยง: อาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ อาหารทะเลดิบ ชีสนิ่ม เนื้อแปรรูป คาเฟอีนมากเกินไป แอลกอฮอล์ทุกชนิด
ควรฝากครรภ์เมื่อไหร่และต้องฝากครรภ์กี่ครั้ง2025-02-28T15:19:06+07:00
  • ควรฝากครรภ์ครั้งแรกทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ หรืออย่างช้าไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์
  • การฝากครรภ์ตามมาตรฐาน WHO คือ อย่างน้อย 8 ครั้ง ได้แก่:
    • อายุครรภ์ < 12 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 20 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 26 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 30 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 34 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 36 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 38 สัปดาห์
    • อายุครรภ์ 40 สัปดาห์
Go to Top